Magento 1, Magento 2, WordPress WooCommerce จะเลือกทำเว็บไซต์จากอะไรดี?

ปัจจุบันมี CMS สำหรับทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ หรือเว็บไซต์ e-Commerce อยู่มากมายหลายตัว แต่ตัวที่คนนิยมใช้มากที่สุดในโลก อันดับ 1 ก็คือ Magento รองลงมาก็คือ WordPress WooCommerce (ซึ่งต่อไป ผมจะเรียกสั้นๆ ว่า WooCommerce นะครับ)

ในปี 2018 ที่เขียนบทความนี้ เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่ทำจาก Magento มีสัดส่วนอยู่ที่ 19.64% ในขณะที่ WooCommerce นั้น ตามมาเป็นอันดับ 2 มีสัดส่วนใกล้เคียงกัน โดยมีคนใช้อยู่ที่ 17. sts zakłady sportowe 65% โดย CMS ทั้งสองตัว มีเว็บไซต์ที่ใช้รวมกันมากกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ ตามมาห่างๆ ด้วย PrestaShop ที่ 7% และ OpenCart ที่ 3. kasyno online szybkie wypłaty 43% ตามลำดับ
อ้างอิง : 
https://www.bisongrid.uk/blog/top-10-ecommerce-cms-2018
https://pagely.com/blog/top-ecommerce-platforms-2018-compared

ซึ่งจากการที่คนนิยมใช้เยอะมากๆ นี้ ก็พอจะทำให้อนุมานได้ว่า ทั้ง Magento และ WooCommerce มันต้องมีอะไรดีแน่ๆ และเราน่าจะเอามาเป็นตัวเลือกแรกๆ เวลาที่จะทำเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ซักเว็บ

แล้วอะไร คือข้อแตกต่างระหว่าง Magento และ WooCommerce และเราจะเลือกใช้ตัวไหนดี?

ก่อนอื่น มาดูตารางเปรียบเทียบ ดังนี้ครับ

ตารางเปรียบเทียบ Magento vs WooCommerce

ลำดับรายละเอียดMagentoWooCommerce
1Hosting ที่ลงได้VPS Hosting สำหรับ M2 เท่านั้นลงได้เกือบทุก Host
2ค่าบริการ Script รายปีไม่มีไม่มี
3จำนวนหมวดหมู่สินค้าที่ลงได้ไม่จำกัดไม่จำกัด
4จำนวนสินค้าที่ลงได้ไม่จำกัดไม่จำกัด
5ระบบจัดการ Stock สินค้ามีมี
6ระบบออก invoice (ใบเสร็จรับเงิน)มีมี
7ระบบคูปองส่วนลดมีมี
8อีเมล์แจ้งเตือนเมื่อมีคำสั่งซื้อมีมี
9ระบบตัวกรองสินค้า (Filter)มีมี
10รองรับการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตมีมี
11ตั้งค่าขนส่งแบบซับซ้อนมีมี
12ระบบแจ้งเลขที่พัสดุมีมี
13รองรับการทำ SEOรองรับรองรับ
14ระบบ Multi Storeมีไม่มี
15ระบบรีวิวสินค้ามีต้องลง Plugin เพิ่ม
16ระบบ Wishlistมีต้องลง Plugin เพิ่ม
17ระบบออกโปรโมชั่นที่ซับซ้อนมีต้องลง Plugin เพิ่ม
18ระบบเว็บไซต์หลายภาษามีต้องลง Plugin เพิ่ม
19ระบบขายส่งมีต้องลง Plugin เพิ่ม
20ระบบเปรียบเทียบสินค้ามีต้องลง Plugin เพิ่ม
21ระบบแสดงสินค้าแนะนำ / สินค้าที่เกี่ยวข้องมีต้องลง Plugin เพิ่ม
22ระบบแสดงสินค้าที่ดูล่าสุดมีต้องลง Plugin เพิ่ม
23ระบบใส่ภาพลายน้ำสินค้าแบบอัตโนมัติมีต้องลง Plugin เพิ่ม
24ระบบ Blogต้องลง Plugin เพิ่มมี
25การลง Pluginลงผ่าน SSH เท่านั้นลงเองได้ง่ายๆ ผ่านระบบหลังร้าน
26การแบ่งกลุ่มลูกค้า และคิดราคาของแต่ละกลุ่มลูกค้าต่างกันทำได้ในตัวทำไม่ได้
27การเพิ่มหน้าบทความ และจัดหน้าเนื้อหาเองมี Toolbar ให้ จัดได้เหมือนใช้ MS wordจัดหน้าด้วยตัวเอง ได้ซับซ้อนมากกว่า
28หน้าตาระบบหลังร้านเมนูเป็นระเบียบ เหมาะกับเป็นเว็บขายของเมนูค่อนข้างเยอะตามจำนวน Plugin ที่ลง

จากตารางด้านบนจะเห็นได้ว่า ถ้าเน้นการซื้อขาย หรืออยากได้ Function เกี่ยวกับ e-Commerce เป็นหลักแล้ว ตัว Magento จะพร้อมแบบ Out of box มากกว่า แทบจะไม่ต้องเสียเงินซื้อ Plugin ต่างๆ มาลงเพิ่มอีก เว้นแต่ระบบ Blog ที่ตัว Magento ไม่มี ต้องลง Plugin เพิ่ม เพื่อให้ Magento มีระบบ Blog เอาไว้เขียนบทความ

สรุปยกที่ 1 Magento vs WordPress

ถ้าเน้นขายของเป็นหลัก มี Function เกี่ยวกับ e-Commerce ครบถ้วนจริงๆ เลือก Magento ครับ แต่ถ้าการขายของเป็นเพียงส่วนประกอบเล็กๆ ของเว็บ ขายบ้างนานๆ ที เป็นการขายของที่ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นสินค้าง่ายๆ เว็บเราเน้นเขียนบทความ แสดงเนื้อหามากกว่า  เลือก WordPress ครับ

ถ้าเลือก Magento แล้ว, Magento 1 กับ Magento 2 เลือกใช้อะไรดี?

ผมเคยเปรียบเทียบ Magento 1 vs Magento 2 โดยละเอียด โดยทำเป็น VDO รีวิว ไว้แล้ว สามารถดู VDO ได้ตามลิงค์นี้นะครับ https://www.thaishopdesign.com/what-differnce-magento1-vs-magento2/

ตารางเปรียบเทียบ Magento 1 vs Magento 2

ลำดับรายการ Magento 1Magento 2
1ขนาดของไฟล์ติดตั้ง35.3 Mb74.4 Mb
2Advance Reportต้องติดตั้ง Extension เพิ่มมี
3Color Swatchต้องติดตั้ง Extension เพิ่มมี
4Host ที่ใช้งานได้Host ทั่วๆ ไปVPS ขึ้นไปเท่านั้น
5SSHไม่จำเป็นจำเป็น
6PHP version5.4 ขึ้นไป7.1 ขึ้นไป
7การติดตั้ง Extensionอัพโหลดผ่าน FTP แล้วใช้ได้เลยต้องสั่งติดตั้งผ่าน Command Line
8ความเร็วเว็บ เมื่อ Spec Host เท่ากันเร็วเร็วกว่า M1
9ความง่ายของการใช้งานระบบหลังร้านซับซ้อนง่าย
10รองรับไฟล์นามสกุล svgไม่รองรับรองรับ
11การอัพเดทออกอัพเดทเฉพาะ Security Patchอัพเดทสม่ำเสมอ
12ราคา Extension (Plugin)ประมาณ 50-120 USD.ประมาณ 100-250USD.

จากตารางเปรียบเทียบข้างบน เรื่องของ Feature ของ M1 และ M2 ไม่ได้ต่างกันมากนัก ข้อไหนที่เป็น Feature ที่มีอยู่แล้วทั้ง M1 และ M2 ซึ่งมีเหมือนกัน เช่น ระบบสมาชิก, ระบบจัดการ Stock, ระบบจัดการ Order ฯลฯ เหล่านี้ผมจะไม่ได้ใส่ไว้ในตารางเปรียบเทียบนะครับ เพราะตารางจะยาวเกินไปทำให้ดูยาก

สิ่งแตกต่างหลักๆ ของ Script ทั้ง 2 version ก็คือ เรื่องของ Hosting ซึ่งถ้าใช้ M2 ต้องเป็น Host แบบ VPS เท่านั้น ซึ่ง Host แบบนี้จะมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอยู่ที่ปีละประมาณ 9,900 บาท (Punhhosting.com – VPS for Magento 2) ในขณะที่ M1 สามารถใช้ Host แบบธรรมดาได้(Share Host) ซึ่งค่า Host จะอยู่ที่ปีละประมาณ 1,190 บาท นอกจากค่า Host จะแพงกว่าแล้ว M2 ยังมีค่า Extension (หากจะซื้อมาติดตั้งเพิ่ม) แพงกว่า M1 อยู่พอสมควรครับ

แต่ถ้าเป็น Host แบบ VPS เหมือนกัน Spec เดียวกัน M2 จะเร็วกว่าเล็กน้อยครับ และได้ Feature เพิ่มมาอีก 2 อย่าง คือ Color Swatch และ Advance Report ครับ

สรุปยกที่ 2 Magento 1 vs Magento 2

ถ้าไม่ติดปัญหาเรื่องค่า Host ที่แพงกว่า อยากได้เว็บที่เร็วกว่า เลือกของใหม่อย่าง Magento 2 ดีกว่าครับ แต่ถ้าต้องการประหยัดงบรายปี Feature ต่างๆ ก็ยังใช้งานได้ดี แถม Feature ด้าน e-Commerce ยังครบครันกว่า WordPress WooCommerce ผมแนะนำให้เลือก Magento 1 ครับ